ข้อมูลทั่วไป


ชื่อทางการ: เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam)
ที่ตั้ง : ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว (ละติจูดที่ 5 เหนือเส้นศูนย์สูตร)
พื้นที่ : 5,765 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้เขตร้อน
เมืองหลวง : บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan)
ประชากร : 414,000 คน (2555)
ภาษาราชการ : ภาษามาเลย์ (Malay หรือ Bahasa Melayu) รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน
ศาสนา : อิสลาม (67%) พุทธ (13%) คริสต์ (10%) และฮินดู (10%)
อากาศ : โดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส
วันชาติ : วันที่ 23 กุมภาพันธ์
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย : วันที่ 1 มกราคม 2527

การเมืองการปกครอง


ระบอบการปกครอง: สมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุขของรัฐและเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร : สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ (Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 29
รัฐมนตรีต่างประเทศ : เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ (Prince Mohamed Bolkiah)
เขตการปกครอง : แบ่งเป็นสี่เขตคือ เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong

เศรษฐกิจการค้า


เศรษฐกิจ: มีความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรและแรงงาน มีนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และส่งเสริม Medical Tourism เริ่มพิจารณาขยายการค้าการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายในภูมิภาคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็น โอกาสสำหรับไทยในการเพิ่มการค้า การลงทุนกับบรูไนฯ และร่วมกันเข้าไปลงทุนในประเทศที่สาม มากขึ้น บรูไนฯ ส่งออกน้ำมันถึงร้อยละ 90 แต่น้ำมันสำรองจะเหลืออยู่อีกประมาณ 25 ปี หากไม่พบแหล่งนำ้มันใหม่ในอนาคต จึงเริ่มกระจายการผลิตและส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น สินค้าเกษตร ประมง และเสื้อผ้า นอกเหนือจากการผลิตน้ำมัน
ทรัพยากรธรรมชาติ : น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
สินค้าส่งออกที่สำคัญ : น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
สินค้านำเข้าที่สำคัญ : เครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตร อาทิ ข้าวและผลไม้
ตลาดส่งออกที่สำคัญ : ญี่ปุ่น อาเซียน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ : อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น
หน่วยเงินตรา : บรูไนดอลลาร์ (1 บรูไนดอลลาร์ ประมาณ 23.2 บาท/ เมื่อ เม.ย. 2556) เงินดอลลาร์บรูไนมีมูลค่าเท่ากับเงินดอลลาร์สิงคโปร์และสามารถใช้แทนกันได้)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ : 16.6 พันล้าน USD (2555)
รายได้ประชาชาติต่อหัว : 48,000 USD โดยประมาณ (2555)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ : ร้อยละ 1.6 (2555)

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลาม


ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนฯ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีทัศนคติที่ดีต่อกัน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับราชวงศ์และผู้นำระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และเป็นพันธมิตรในเรื่องต่าง ๆ ทั้งในกรอบอาเซียนและกรอบพหุภาคี (อาทิ OIC สหประชาชาติเอเปค) ปัจจุบัน มีกลไกกำกับความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญคือ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - บรูไนฯ (Joint Commission for Bilateral Cooperation - JCBC) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 - 31 มีนาคม 2546 ที่กรุงเทพฯ เอกอัครราชทูต ณ บันดาร์ เสรีเบกาวัน คนปัจจุบัน คือ นายอภิชาติ เพ็ชรรัตน์ และเอกอัครราชทูตบรูไนประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน คือ Dato Paduka Haji Kamis bin Haji Tamin


ด้านการเมืองและความมั่นคง


ไทยและบรูไนฯ มีทัศนะทางด้านการทหารและความมั่นคงที่สอดคล้องกัน ความร่วมมือทางการทหารดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของกองทัพทั้งสองประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการทหารและการส่งบุคลากรทางทหารเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ


ด้านเศรษฐกิจ/การค้า


การค้า

บรูไนฯ กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก ไปสู่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่เน้นนโยบายให้สวัสดิการมาเป็นการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม

บรูไนฯ เป็นคู่ค้าของไทยลำดับที่ 9 ในอาเซียน และเป็นคู่ค้าของไทยลำดับที่ 71 ในระดับโลกในปี 2555 การค้ารวมมีมูลค่า 632.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (19,658.37 ล้านบาท) ไทยส่งออกไปบรูไนฯ มูลค่า 190.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,894.85 ล้านบาท) และนำเข้าจากบรูไน 442.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (13,763.52 ล้านบาท) โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า 251.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,868.66 ล้านบาท)

สินค้าที่ส่งออกไปบรูไนฯ ได้แก่ ข้าว น้ำตาล หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ เซรามิก ผลิตภัณฑ์ยาง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น

สินค้านำเข้าจาก บรูไนฯ ได้แก่ น้ำมันดิบ สินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์


การลงทุน

การลงทุนของบรูไนฯ ในไทยที่สำคัญ คือ การลงทุนระหว่าง Brunei Investment Agency (BIA) และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Matching Fund)ในชื่อกองทุนไทยทวีทุน 1 มูลค่าประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2546 มีอายุกองทุน 8 ปี

ทั้งนี้ กองทุนไทยทวีทุน 1 ได้หมดอายุลงเมื่อปี 2551 และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 กบข. และ BIA จึงได้จัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 2 มูลค่าประมาณ 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอายุกองทุน 10 ปี

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนภายใต้ BOI จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการเอเพ็กซ์ เซอร์คิต (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายแผงวงจรไฟฟ้า

การลงทุนหลักของนักธุรกิจไทยในบรูไนฯ จะอยู่ในสาขารับเหมาก่อสร้าง/สถาปนิก ซึ่งมีบริษัทที่มีชื่อเสียงในบรูไนฯ คือ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง Brunei Construction และบริษัทสถาปนิก Booty Edwards & Rakan-Rakan (การประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในบรูไนฯ จะต้องมีชาวบรูไนเป็นหุ้นส่วน ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดอัตราการถือหุ้นส่วนอย่างตายตัว)

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจขนาดย่อม ได้แก่ ร้านขายของ ร้านอาหาร และอู่ซ่อมรถ เป็นต้น


ด้านอื่นๆ

ความร่วมมือด้านแรงงาน ด้านการเกษตร และด้านสาธารณสุข ยังไม่ค่อยคืบหน้ามากนัก เนื่องจากระบบการบริหารงานราชการของบรูไนฯ ที่มีความล่าช้า นอกจากนี้ การตัดสินใจในประเด็นต่าง ๆ ที่มีความสำคัญจะต้องขึ้นตรงกับสมเด็จพระราชาธิบดีเท่านั้น


ด้านการท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวบรูไนฯ เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงและมีศักยภาพ


ด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา

ไทยและบรูไนฯ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในทวิภาคีด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนรายการวิทยุ โทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีสาระ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอันจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ


ด้านการศึกษา

ปัจจุบันมีนักศึกษาไทยที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยบรูไนฯ ทั้งโดยทุนรัฐบาลไทยและบรูไนฯ และมีนักศึกษามุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับทุนจากทางการบรูไนฯ ให้ไปเรียนทางด้านรัฐศาสตร์ และการศาสนา ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย แต่ก็มีนักศึกษาหลายคนที่บริษัทเอกชนในประเทศไทยส่งไปเรียนวิชาทั่วไป

ด้านการเมืองและความมั่นคง


ฝ่ายไทย


พระราชวงศ์

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ทรงทำการบินโดยเครื่่องบินพาณิชย์ของสายการบินไทยมายังบรูไนฯ


รัฐบาล

เมื่อวันที่ 3 - 4 กรกฎาคม 2551 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม –1 สิงหาคม 2551 พล.ร.อ. สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือเยือน บรูไนฯ เพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่
เมื่อวันที่ 17 - 19 มีนาคม 2552 พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 28 - 30 เมษายน 2552 นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิ่งแวดล้อม เยือนบรูไนฯ เพื่่อเข้าร่วมการประชุมย่อยใในภูมิภาคระดับรัฐมนตรี ว่าด้วยปัญหามลพิษ
เมื่อวันที่ 3 - 4 มิถุนายน 2552 พล.อ.อ อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 27 - 28 กรกฎาคม 2552 นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 19 - 20 ตุลาคม 2552 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเยือน บรูไนฯ อย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุม SEMEO VOCTECH และร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาไทย-บรูไนฯ
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 1 - 3 ตุลาคม 2553 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเยือน บรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 12 - 16 ตุลาคม 2553 นายภิมุข สิมะโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิ่งแวดล้อม เยือนบรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านส่ิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 7 - 13 พฤศจิกายน 2553 นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนามคม เยือนบรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ASEAN Transport Ministers Meeting – ATM) ครั้งที่ 16 และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งอาเซียน (ASEAN Senior Transport Officials Meeting – STOM) ครั้งที่ 30
เมื่อวันที่ 26 - 29 มกราคม 2554 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเยือน บรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 46 (46th SEAMEC) และการประชุมรัฐมนตรีศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 6 (6th ASED)
เมื่อวันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2554 พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพร้อมภริยาเดินทางเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ ในโอกาสนี้ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน และรับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์
เมื่อวันที่ 25-28 เมษายน 2554 พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เยือนบรูไนฯ อย่างเป็น ทางการตามคำเชิญของกองทัพเรือบรูไนฯ
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนบรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมใน พระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงฮัจญะห์ ฮาฟิซาห์ ซูรูรุล โบลเกียห์ พระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน


ฝ่ายไทย


พระราชวงศ์

เมื่อวันที่ 11 - 14 มิถุนายน 2549 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งบรูไนฯ ได้เสด็จมาร่วมพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ระดับรัฐบาล

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนได้เสด็จมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 - 12 เมษายน 2552 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน + 3 ครั้งที่ 12 และการประชุดสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 4 ที่พัทยา เมื่อวันที่ 21 - 23 กรกฎาคม 2552 เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า คนที่ 1 เสด็จเยือนไทยเพื่อทรงเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 22 - 25 สิงหาคม 2552 เจ้าหญิงมัสนา รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม Asean Socio-Cultural Community (ASCC) Council ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 การประชุมสุดยอดอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ครั้งที่ 4 ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 21 - 26 มีนาคม 2553 เปฮิน ดาโต๊ะ ฮัจญี ยาห์ยา (H.E. Pehin Dato Haji Yahya) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรพื้นฐานบรูไนฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 14 - 16 ธันวาคม 2553 เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และการค้า คนที่ 1 เสด็จเยือนไทยเพื่อทรงเข้าร่วมการประชุมประชุมเอเชีย - ตะวันออกกลาง ครั้งที่ 3 (AMED III) ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2555 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน เสด็จเยือนปรเทศไทย อย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล


การประชุมที่สำคัญ

การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไน (Joint Commission for Bilateral Cooperation : JCBC) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งแรกเมื่อปี 2546


ความตกลงที่สำคัญระหว่างไทย-บรูไนฯ

ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างและพ้นจากอาณาเขตของไทยและบรูไนฯ ลงนามเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2530

(1) ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างและพ้นจากอาณาเขตของไทยและบรูไนฯ ลงนามเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2530

(2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย -บรูไนฯ ลงนามเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2542

(3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงและภาพระหว่าง ไทย-บรูไนฯ ลงนามเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2544

(4) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการลงทุนระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กับ Brunei Investment Agency ลงนามเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2545

(5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลบรูไนฯ และ บริษัทเจียเม้ง จำกัด ลงนามเมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2545

(6) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการลงทุนระหว่าง Brunei Investment Agency และ the Biz Dimension Co. Ltd.ลงนามเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2545

(7) พิธีสารว่าด้วยการเปิดเสรีด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ลงนามเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2547

(8) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการศึกษาระหว่างไทยกับบรูไนฯ ลงนามเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2552

(9) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับบรูไนฯ ลงนาม วันที่ 29 มีนาคม 2553


ที่มา: กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ.