สินค้าส่งออกที่สำคัญ : แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เครื่องสำอาง เหล็กกล้า เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องรับโทรทัศน์ และกระดาษ
สินค้านำเข้าที่สำคัญ : สินค้าอิเลกทรอนิกส์ น้ำมันเชื้อเพลิง
ตลาดส่งออกที่สำคัญ :สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เนเธอแลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ :สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้
หน่วยเงินตรา :จเปโซ (Peso) (1 เปโซ ต่อ 0.70 บาท/ เม.ย. 2556)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ : 250.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2555)
รายได้ประชาชาติต่อหัว : 4,096 ดอลลาร์สหรัฐ (2555)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ :ร้อยละ 6.6 (2555)
ฟิลิปปินส์มีระบบเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกับไทย กล่าวคือ เป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากรร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกร
อย่างไรก็ดี สภาพภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกมีน้อย โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่ราบต่ำและเนินเขาที่ปรับให้เป็นขั้นบันไดในบริเวณเกาะลูซอน ขณะเดียวกันประชากรฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่นิยมประกอบอาชีพในต่างประเทศ ฟิลิปปินส์จึงพึ่งพารายได้จากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศเป็นส่วนใหญ่
รัฐบาลภายใต้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีอาคีโน ที่สาม เน้นนโยบายสร้างวินัยทางการคลัง โดยการบริหารงบประมาณแบบสมดุล (zero - budgeting policy) เพื่อแก้ไขภาวะ งบประมาณขาดดุล อันเป็นปัญหาสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ในปี 2553 รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณขาดดุลอัตราร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือประมาณ 625 พันล้านเปโซ เนื่องจากความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณเพื่อเร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค และอัดฉีดเม็ดเงินให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยสนับสนุนการสร้างกลไกความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ - เอกชน (public - private partnerships) และเร่งแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างชาติ ผลักดันกฎหมายป้องกันการผูกขาด (anti - trust law) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันอย่างเท่าเทียม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในสาขาสาธารณูปโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เหมืองแร่ และเกษตรกรรม
ในปี 2553 การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของฟิลิปปินส์ อยู่ที่อัตราร้อยละ 7.3 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2553 การใช้จ่ายในการรณรงค์ หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 รวมทั้งปัจจัยเชิงบวกด้านอื่น ๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเงินโอนจากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ การขยายตัวของภาคการส่งออก การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ การเพิ่มขึ้นของปริมาณการลงทุน และเศรษฐกิจมหภาค มีเสถียรภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเติบโตในอัตราร้อยละ 7.8 ตลอดวาระการบริหารงาน (ปี 2553 - 2560) อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังมีความกังวลต่อปัญหา/ อุปสรรคอื่น ๆ ในการลงทุนในฟิลิปปินส์ เช่น ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายในระยะยาว ระบบสาธารณูปโภคขาดคุณภาพและค่าใช้จ่ายสูง
นโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์อยู่บนพื้นฐานของนโยบายหลัก 3 ด้าน คือ
ด้านความมั่นคง
ด้านเศรษฐกิจ
ด้านแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ (Overseas Filipinos Workers)
โดยเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์แห่งชาติกับการเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมระหว่างประเทศ และยังคงให้ความสำคัญกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศสมาชิกอาเซียน
ฟิลิปปินส์มีความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา เนื่องด้วยความเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์ ความเป็น พันธมิตรด้านความมั่นคง และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาของประธานาธิบดีอาคีโน ที่สาม เมื่อเดือนกันยายน 2553 รัฐบาลฟิลิปปินส์ประสบผลสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนและเงินช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐอเมริกาพร้อมจะสนับสนุนนโยบายแห่งชาติของฟิลิปปินส์ในทุกมิติ
ในการนี้ ฟิลิปปินส์ได้ลงนามความตกลง Millennium Challenge Account (MCA) มูลค่า 434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของความร่วมมือแห่งความท้าทายแห่งสหัสวรรษ (Millennium Challenge Corporation MCC) โดยเป็นเงินทุนจากสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนประเทศที่ยากจนเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังได้แสดงความสนใจที่จะเพิ่มพลวัตร และแรงขับเคลื่อนทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยการเข้าร่วมการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าเสรีในกรอบ Trans Pacific Economic Partnership
ฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ในระดับดีกับนานาประเทศ อาทิ
กับญี่ปุ่น ในฐานะประเทศที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์และเป็นประเทศผู้บริจาครายสำคัญต่อการพัฒนาในมินดาเนา
กับจีน ในฐานะประเทศคู่ค้าและผู้ลงทุนที่สำคัญ
กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และเยเมน ซึ่งเป็นตลาดแรงงานสำคัญของฟิลิปปินส์และแหล่งทุนสำหรับการพัฒนาในมินดาเนา ตลอดจนมีศักยภาพที่จะสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการเข้าเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ในองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference OIC)
ฟิลิปปินส์ส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front MILF) และกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (Moro National Liberation Front MNLF)
การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่ม NAM วาระพิเศษว่าด้วยเรื่อง Interfaith Dialogue และความร่วมมือเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (Special Non-Aligned Movement Ministerial Meeting - SNAMM) เมื่อเดือนมีนาคม 2553 ซึ่งมีการรับรองปฏิญญามะนิลาเกี่ยวกับหลักสำคัญในการบรรลุผลด้านสันติภาพและการพัฒนาโดยใช้ Interfaith Dialogue
การเป็นประธานการประชุมทบทวนไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (2010 Review Conference of Non-Proliferation of Nuclear Weapon NPT) ซึ่งสาระสำคัญเกี่ยวกับการลดและไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติจำนวน 64 ข้อ ได้รับการบรรจุไว้ในรายงานสุดท้ายของการประชุมดังกล่าว
การส่งกองกำลังฟิลิปปินส์เข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
การมีบทบาทที่แข็งขันในกรอบอาเซียน อาทิ บทบาทในฐานะประเทศผู้ประสานงานการเจรจาระหว่างอาเซียน สหรัฐอเมริกา การส่งเสริมการจัดทำแนวทางปฏิบัติ ในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in South China Sea) รวมทั้งการสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอาเซียน
ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2492 เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลาคนปัจจุบันคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย และมีหน่วยงานในสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และสำนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ เมืองเซบู
เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย คนปัจจุบันคือ นางลิงลีไง เอฟ ลาคันลาเล
ความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยกับฟิลิปปินส์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดมานาน เป็นประเทศร่วมก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Treaty Organization - SEATO) และอาเซียน และเป็นแนวร่วมในอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศเนื่องจากมีทัศนคติและแนวคิดคล้ายคลึงกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านประชาธิปไตยและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน มีกลไกความสัมพันธ์ทวิภาคี ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission on Bilateral Cooperation JCBC) ตั้งเมื่อปี 2536 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม
ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBC ครั้งที่ 4 (ครั้งหลังสุด) เมื่อวันที่ 25 - 26 มีนาคม 2550 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับรูปแบบการประชุมโดยให้จัดการประชุมเป็นประจำทุก 2 ปี โดยเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสแล้วตามด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีในลักษณะไม่เป็นทางการ (Retreat) ฝ่ายฟิลิปปินส์มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBC ครั้งที่ 5 ซึ่งในชั้นนี้ ฟิลิปปินส์เสนอจะจัดการประชุมดังกล่าวในปี 2555
ในปี 2552 ไทยกับฟิลิปปินส์ได้ครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีการจัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าว อาทิ นิทรรศการศิลปะ การแสดงทางวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญการอนุรักษ์โบราณสถานและการจัดเทศกาลภาพยนตร์
การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ระหว่างปี 2545 - 2554 เติบโตค่อนข้างดีสม่ำเสมอ ในปี 2555 ฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้าลำดับที่ 5 ของไทยในอาเซียน และลำดับที่ 17 ในโลก มีมูลค่าการค้ารวม 7,585.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (235,340 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ร้อยละ 3.27 ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ 4,861.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (150,141.86 ล้านบาท) ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์ 2,724.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (85,199.13 ล้านบาท)
โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 2,136.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (64,942.73 ล้านบาท) ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของฟิลิปปินส์ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และลำดับที่ 7 ของฟิลิปปินส์ในโลก โดยฟิลิปปินส์ส่งออกไปไทยเป็นลำดับที่ 9 และนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 8 ของโลก
ทั้งนี้ ไทยมักจะเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่
ปัญหาทางการค้าที่ภาคเอกชนไทยประสบ ได้แก่
การถูกเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน
ปัญหาการทุ่มตลาดสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้านำเข้าจากจีน
สายการบินต้องเสียภาษีสูงกว่าสายการบินฟิลิปปินส์และถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการใช้บริการท่าอากาศยานมะนิลา
การมีกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและโรคเกี่ยวกับพืชที่เข้มงวด
การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกสดและแช่แข็งจากไทยตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2547 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยกเลิก
ในปี 2554 ไทยลงทุนในฟิลิปปินส์เป็นอันดับที่ 18 (อันดับที่ 3 ในอาเซียน) ภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในฟิลิปปินส์ ได้แก่ เครือโรงแรมดุสิตธานี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เครืออิตัลไทย เครือซิเมนต์ไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ และธนาคารกรุงเทพ
ในขณะที่ฟิลิปปินส์ลงทุนในไทยเป็นลำดับที่ 5 ของอาเซียน และในปี 2552 ได้รับอนุมัติโครงการจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวน 2 โครงการ ภาคเอกชนฟิลิปปินส์ที่ลงทุนในไทยส่วนใหญ่เป็นสาขาอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่บริษัท Universal Robina (ขนมขบเคี้ยว) San Miguel (เบียร์) และบริษัท Thai Liwayway Food Industries (ขนมขบเคี้ยวยี่ห้อรินบี้และเครื่องดื่ม) ในปี 2553 มีโครงการจากฟิลิปปินส์ได้รับใบประกาศอนุมัติส่งเสริมการลงทุน (Promotion Certificate Issue) จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 1 โครงการ คือ กิจการโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพ
ฟิลิปปินส์มีปัจจัยบวกที่ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ เช่น บุคลากรใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เป็นมิตร และตลาดภายในประเทศมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนประชากรมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการค้าการลงทุนที่ภาคเอกชนไทยประสบ ได้แก่
การถูกเรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน และไม่เป็นธรรม
ปัญหาการทุ่มตลาดสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้านำเข้าจากจีนและเวียดนาม
การมีกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและโรคเกี่ยวกับพืชที่เข้มงวด
การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกสดและแช่แข็งจากไทยตั้งแต่ 23 มกราคม 2547 ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยกเลิก
ปัญหาในการดำเนินธุรกิจและขยายกิจการ เช่น ปัญหาในการหาที่ดินที่เหมาะสมเพื่อประกอบธุรกิจและการครอบครองที่ดินมีขั้นตอนที่ซับซ้อน และระบบขั้นตอนทางราชการที่ล่าช้า ค่าสาธารณูปโภคสูง การขาดความต่อเนื่องเชิงนโยบายและเสถียรภาพทางการเมือง และปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
ในปี 2554 มีนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์มาไทย จำนวน 271,903 คน และนักท่องเที่ยวไทยไปฟิลิปปินส์ ประมาณ 20,000 คน ปัจจุบัน มีชาวไทยอาศัยอยู่ในฟิลิปปินส์ประมาณ 650 คน รัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์เห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บริหารระดับสูง การจับคู่ทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว
ในขณะเดียวกันนักท่องเโดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น และการจัดทำโครงการจุดหมายปลายทางร่วมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ (Thailand-Philippines Tourist Package) เนื่องจากทั้งสองประเทศมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่สวยงามและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของอาเซียนในภาพรวมอีกด้วย
ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือทางทหาร (ลงนามเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2490)
สนธิสัญญาไมตรีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2492)
ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างอาณาเขตของแต่ละฝ่าย (ลงนามเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2496)
ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ (ลงนามเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2505)
ความตกลงว่าด้วยที่ดิน (ลงนามเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2506)
ความตกลงทางวัฒนธรรมไทย - ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2518)
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2522)
วัสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (ลงนามเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2524)
อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ (ลงนามเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2525 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2526)
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการ (ลงนามเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2526)
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission on Bilateral Cooperation - JCBC) (ลงนามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2535)
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (ลงนามเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2538)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2540)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (ลงนามเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540)
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม (ลงนามเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2541)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขจัดคราบน้ำมัน (ลงนามเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2542)
ความตกลงทางการค้า (ลงนามเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2542)
สนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (ลงนามเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2544)
ความตกลงแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ และจัดตั้งวิธีการดำเนินการในการสื่อสาร (ลงนามเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2545)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2546)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (ลงนามเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2546)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวไทย - ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553)
บันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวไทย - ฟิลิปปินส์ (ลงนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2554)
อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย - ฟิลิปปินส์ (ฉบับแก้ไข)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย - ฟิลิปปินส์
บันทึกความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปราบปรามยาเสพติดและสารตั้งต้นการผลิต
ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงานไทย - ฟิลิปปินส์
วันที่ 9 14 กรกฎาคม 2506 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์เพื่อทรงทำการบินเพื่อส่งเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เพื่อทรงเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันที่ 27 สิงหาคม - 2 กันยายน 2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ เพื่อทรงรับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาบริการชุมชน ซึ่งมูลนิธิรางวัลรามอน แมกไซไซ ทูลเกล้าฯ ถวาย
วันที่ 15 - 18 พฤศจิกายน 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ เพื่อทรงเปิดและเข้าร่วมประชุมทางวิชาการนานาชาติด้านพันธุกรรมข้าว ครั้งที่ 6 (The 6th International Rice Genetics Symposium) และทรงเปิดนิทรรศการฉลองการสถาปนาสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute - IRRI) ครบรอบ 50 ปี
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี
วันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2535 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ อัครราชกุมารี เสด็จเยือนฟิลิปปินส์
พระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
วันที่ 11 - 14 มีนาคม 2540 พระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นองค์ประธานการเปิดโรงแรมดุสิตธานี มะนิลา และเป็นองค์ประธานพิธีเปิดศาลาไทย ณ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ วิทยาเขตลอส บายอส
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
วันที่ 26 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2548 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23
นายกรัฐมนตรี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 12 - 13 ตุลาคม 2544 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 7 - 8 กันยายน 2546 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์ตามคำเชิญของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์เรื่อง Thaksinomics ต่อ Philippine Chamber of Commerce and Industry - PCCI และ Philippine - Thailand Business Council PTBC และเพื่อร่วมในพิธีส่งมอบเครื่องบินโจมตีแบบ OV-10 ซึ่งกองทัพอากาศไทยปลดประจำการแล้วให้แก่กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ตามคำขอของฟิลิปปินส์เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์
วันที่ 30 - 31 มกราคม 2547 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือของเอเชียตะวันออก - ละตินอเมริกา (Forum for East Asia-Latin America Cooperation FEALAC)
วันที่ 29 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2547 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์) เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
วันที่ 10 - 12 เมษายน 2548 นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เมืองเซบูและเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 23 ตุลาคม 2549 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 10 - 14 ธันวาคม 2549 นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน ที่เมืองเซบู
วันที่ 13 - 15 มกราคม 2550 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ณ เมืองเซบู
วันที่ 2 - 3 สิงหาคม 2550 นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 22 - 23 พฤษภาคม 2551 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 14 สิงหาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 30 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2553 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยเพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนการดำรงตำแหน่งของนายเบนิกโน อาคีโน ที่สาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
วันที่ 19 มกราคม 2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
ประธานาธิบดี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 15 - 19 มกราคม 2511 นายเฟอร์ดินัน อี.มาร์กอส ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์และภริยาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
วันที่ 7 - 8 พฤษภาคม 2545 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 29 เมษายน 2546 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome SARS)
วันที่ 21 - 22 มิถุนายน 2546 นายบลาส เอฟ อ๊อบ-เล่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เข้าร่วมการประชุม Asia Cooperation Dialogue ที่จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 20 - 21 ตุลาคม 2546 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 11
วันที่ 4 - 5 มีนาคม 2548 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 10 - 15 กรกฎาคม 2548 นายฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อร่วมการประชุม The International Association of University Presidents (IAUP) ครั้งที่ 14
วันที่ 12 - 16 กุมภาพันธ์ 2549 นายฟิเดล รามอส อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องกฎบัตรอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพ
วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม 2549 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แวะพักที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินดอนเมือง ก่อนและหลังการเยือนลิเบียอย่างเป็นทางการ
วันที่ 13 สิงหาคม 2549 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศฟิลิปปินส์ แวะพักที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับฟิลิปปินส์
วันที่ 24 - 27 มีนาคม 2550 นายอัลเบอร์โต กัตไมตัน โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 4
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14
วันที่ 10 - 12 เมษายน 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 4
วันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15
วันที่ 26 - 27 พฤษภาคม 2554 นายเบนิกโน เอส อาคิโน ที่สาม ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ