ข้อมูลทั่วไป


ชื่อทางการ: สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of the Union of Myanmar)
ภายหลังการประชุมรัฐสภาเมียนมาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 เมียนมาร์ได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์” (เดิมคือ The Union of Myanmar เปลี่ยนเป็น The Republic of the Union of Myanmar)

ปัจจุบันมีรูปแบบการปกครองแบบสาธารณรัฐ มีรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสภาประชาชน สภาชาติพันธุ์ และสภาท้องถิ่น โดยมีนายเต็ง เส่ง ดำรงตำแหน่งประธาธิบดี ซึ่งเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2554
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทิศเหนือติดกับประเทศไทย (จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์) และลาว (แขวงอัตตะปือและจำปาสัก) ทิศตะวันออกติดเวียดนาม (จังหวัดกอนทูม เปลกู ซาลาย ดั๊กลั๊ก ส่องแบ๋ เตยนิน ลองอาน ด่งท๊าบ อันซาง และเกียงซาง) ทิศตะวันตกติดประเทศไทย (จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด) และทิศใต้ติดอ่าวไทย
พื้นที่ : 657,740 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 1.3 เท่าของไทย)
เมืองหลวง : เนปิดอว์ (Nay Pyi Taw)
(ตามที่ระบุในบทที่ 13 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 แต่รัฐบาลเมียนมาร์ยังไม่ได้แจ้งเวียนให้ทราบอย่างเป็นทางการ) มีความหมายว่า มหาราชธานี เป็นเมืองหลวงและเมืองศูนย์กลางการบริหารที่ได้ย้ายมาจากย่างกุ้ง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัตปแว (Kyatpyae) ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเปียนมานา (Pyinmana) ในเขตมัณฑะเลย์ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาโดยรอบ อยู่ห่างย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 320 กิโลเมตร
ประชากร : 58.38 ล้านคน (ปีงบประมาณ 2551 - 2552)
ภาษาราชการ : เมียนมาร์/พม่า
ศาสนา : ศาสนาพุทธ (ร้อยละ 89) (พม่าบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติใน พ.ศ. 2517) ศาสนาคริสต์ (ร้อยละ 5) ศาสนาอิสลาม (ร้อยละ 4) อื่น ๆ (ร้อยละ 2)
อากาศ : สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่ในบริเวณที่เป็นเทือกเขาสูงทางตอนกลางและตอนเหนือของประเทศจะมีอากาศแห้งและร้อนมากในฤดูร้อน ส่วนในฤดูหนาวอากาศจะเย็นมาก ตามชายฝั่งทะเลและบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำจะแปรปรวนในช่วงเปลี่ยนฤดู เพราะได้รับอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นเสมอ ทำให้บริเวณนี้มีฝนตกชุกหนาแน่นมากกว่าตอนกลางหรือตอนบนของประเทศที่เป็นเขตเงาฝน
วันชาติ : 4 มกราคม ค.ศ. 1948 (2491) เป็นวันเริ่มต้นวันชาติพม่า และเป็นวันเริ่มต้นของเอกราชพม่าที่ได้รับคืนจากอังกฤษ หลังถูกอังกฤษครอบครองมาตั้งแต่ปี 236
วันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย : วันที่ 24 สิงหาคม 2491

วันที่เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน : วันที่ 23 กรกฎาคม 2540

สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม : พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

การเมืองการปกครอง


ระบอบการปกครอง : รัฐสภาที่สมาชิกมาจากการเลือกตั้ง โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขประเทศและหัวหน้ารัฐบาล
ประมุข : ประมุข* และประธานาธิบดี นายเต็ง เส่ง (U Thein Sein) *หมายเหตุ พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย (Senior General Than Shwe) อดีตประมุข ซึ่งยังคงดำรงยศทางทหาร แต่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญเมียนมาร์
ประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร : สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีต่างประเทศ : นายวันนะ หม่อง ลวิน (U Wunna Maung Lwin)
เขตการปกครอง : แบ่งการปกครองเป็น 7 รัฐ (state) สำหรับเขตที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย และ 7 ภาค (region) สำหรับเขตที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายพม่า
ประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร : แบ่งเป็นสี่เขตคือ เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong

เศรษฐกิจการค้า


ทรัพยากรธรรมชาติ: น้ำมันปิโตรเลียม ดีบุก วุลแฟรม
สินค้าส่งออกที่สำคัญ : ก๊าซธรรมชาติ ไม้ เมล็ดพืชและถั่ว
สินค้านำเข้าที่สำคัญ : เครื่องจักรกล ใยสังเคราะห์ น้ำมันสำเร็จรูป
ตลาดส่งออกที่สำคัญ : ไทย อินเดีย จีน
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ : จีน สิงคโปร์ ไทย
หน่วยเงินตรา : จั๊ต ( Kyat : MMK)อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 725 จั๊ตเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 24 จั๊ตเท่ากับประมาณ 1 บาท (ณ เดือนกันยายน 2554)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ : 31.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2553)
รายได้ประชาชาติต่อหัว : 2,858 ดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2553)
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ : ร้อยละ 3.3 (ปี 2553)

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์


ไทยและเมียนมาร์เปิดสถานเอกอัครราชทูตของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2492 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ


ภาพรวมความสัมพันธ์ทั่วไป


•ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ดีขึ้นเป็นลำดับ และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือระดับสูงระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนเมียนมาร์แล้ว 2 ครั้ง คือ การเดินทางเยือนในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 และการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 19 - 20 ธันวาคม 2554

โดยในครั้งหลังนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ ที่เนปิดอว์ และนางออง ซาน ซู จี ที่กรุงย่างกุ้งด้วย

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสองฝ่ายมีความร่วมมือทวิภาคีที่คืบหน้าในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการปราบปรามยาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย การส่งเสริมการค้าและการลงทุน

และล่าสุดรัฐบาลเมียนมาร์ได้เปิดจุดผ่านแดนถาวรเมียวดีตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 (ภายหลังจากที่ปิดมาตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2553) และปล่อยตัวนักโทษชาวไทย 8 คน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 7 รอบ และเป็นการแสดงไมตรีจิตในความสัมพันธ์อันดีกับไทย

ไทยกับเมียนมาร์มีความร่วมมือภายใต้กลไกทวิภาคีที่สำคัญ คือ (1) คณะกรรมาธิการร่วม (Thailand – Myanmar Joint Commission on Bilateral Cooperation - JC) (2) คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee - RBC) (3) คณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) รวมทั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคว่าด้วยแม่น้ำที่เป็นเขตแดน และ (4) คณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า (Joint Trade Commission - JTC)


ด้านการค้าการลงทุน


ในปี 2554 ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของเมียนมาร์ (หลังจากที่ไทยเคยครองอันดับ 1 จนกระทั่งปี 2553 ปัจจุบันอันดับ 1 คือ จีน) โดยการค้าไทย-เมียนมาร์ ปี 2554 มีมูลค่า 185,602 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 19) ส่วนการค้าชายแดนมีมูลค่า 157,590 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด

ไทยมีมูลค่าการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี 2531 รวม 9,568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอันดับที่ 2 รองจากจีนและฮ่องกง (มูลค่ารวม 20,255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อันดับ 3 คือ เกาหลีใต้ (มูลค่ารวม 2,938 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สาขาการลงทุนของไทยที่สำคัญ ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า การผลิต ประมง และปศุสัตว์ ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนสะสมของไทยในเมียนมาร์เคยครองอันดับ 1 จนกระทั่งถึงปี 2553

ไทยและเมียนมาร์มีความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555

นอกจากนี้ ไทยและเมียนมาร์ได้ลงนามความตกลงเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ลงนามเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 ซึ่งฝ่ายเมียนมาร์ได้แจ้งฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ว่าได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว และโดยที่ความตกลงฯดังกล่าวเข้าข่ายมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ

ฝ่ายไทยจึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอรัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป


ความร่วมมือด้านแรงงาน


มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง มีแรงงานเมียนมาร์ที่ได้ลงทะเบียนและผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว 808,580 คน ยังเหลือแรงงานที่ลงทะเบียนแล้ว 300,482 คน ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2555 และมีการนำเข้าแรงงานเมียนมาร์อย่างถูกกฎหมายแล้ว 101,094 คน (ข้อมูลเดือน มกราคม 2555)

ปัจจุบันฝ่ายเมียนมาร์มีศูนย์พิสูจน์สัญชาติในฝั่งเมียนมาร์ที่เมืองเมียวดีและท่าขี้เหล็ก และในฝั่งไทย ที่ จ. ระนอง โดยฝ่ายเมียนมาร์จะเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติในไทยอีก 5 แห่ง ได้แก่ ที่ จ. เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดทำการได้ภายในเดือน มีนาคม 2555

นอกจากนี้ ในการเปิดจดทะบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน -– 13 สิงหาคม 2554 มีแรงงานเมียนมาร์มาจดทะเบียนเพิ่มเติมอีก 1,047,612 คน ซึ่งจะต้องพิสูจน์สัญชาติแรงงานกลุ่มนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2555


ความสัมพันธ์/ความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ


โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับไทย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามกับการท่าเรือเมียนมาร์ในกรอบความตกลงเพื่อพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคม (ถนน รถไฟ สายส่งไฟฟ้าและท่อก๊าซ/น้ำมัน เชื่อมต่อระหว่างเมืองทวายกับ จ. กาญจนบุรี) โดยได้จัดตั้งบริษัท Dawei Development Co.,Ltd. (DDC) เพื่อดำเนินโครงการ

ฝ่ายไทยได้เตรียมการในฝั่งไทยเพื่อรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายฯ โดยได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งตะวันตกกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ขณะนี้ ฝ่ายไทยโดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการร่วมกันเตรียมการมในส่วนของไทย

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2555 รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นหัวหน้าคณะนำผู้แทนระดับสูงจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวม 45 คน เยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย และหารือกับคณะผู้แทนเมียนมาร์ ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเมียนมาร์

ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าว และให้ความสำคัญกับประเด็นด้าน สิ่งแวดล้อมและสังคม โดยประธานบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ได้ยืนยันจะดำเนินโครงการฯ โดยคำนึงถึงความสมดุลด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม


การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม

รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าเพื่อก่อสร้างถนนและสะพานเชื่อมโยงกับเมียนมาร์ โดยในปี 2554 รัฐบาลไทยได้จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อ (1) ซ่อมแซมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 1 แบบถาวร เชื่อมโยง อ. แม่สอด จ. ตาก – เมืองเมียวดีของเมียนมาร์ (2) สร้างถนนช่วงต่อจากเชิงเขาตะนาวศรี –กอกะเร็ก และ (3) ปรับปรุงถนนแม่สอด/เมียวดี – เชิงเขาตะนาวศรี โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 โครงการรวมประมาณ 840 วัน


การท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในกัมพูชาระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม 2554 มีจำนวนมากเป็นอันดับ 7 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 91,343 คน รองจากเวียดนาม เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ลาว ซึ่งมีจำนวนลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 26.45

ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวกัมพูชาได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในปี 2554 จำนวน 252,705 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ร้อยละ 72.76 โดยมีจำนวน 146,274 คน


ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาและด้านมนุษยธรรม

ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมาร์ผ่านสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) กระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาได้มอบทุนการศึกษาและฝึกอบรมไปแล้วประมาณ 2,000 ทุน ในวงเงินประมาณ 550 ล้านบาท โดยเฉพาะด้านการเกษตร การศึกษาและสาธารณสุข

นอกจากนี้ ไทยยังได้ให้ความช่วยเหลือเมียนมาร์ในกรณีภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กีส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 ซึ่งไทยให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานต่าง ๆ รวมมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท และปัจจุบันยังให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงอุปกรณ์พยากรณ์อากาศ มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีมอบระหว่างการเยือนเมียนมาร์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รัฐฉาน เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ซึ่งไทยได้ให้เงินช่วยเหลือรวม 3.5 ล้านบาท และสิ่งของบรรเทาทุกข์
ล่าสุด เหตุอุทกภัยฉับพลันที่ภาคมะกวย มัณฑะเลย์ และสะกายในภาคกลางของเมียนมาร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2554 ซึ่งไทยได้มอบเงินช่วยเหลือ 2 ล้านบาท ในขณะเดียวกันเมียนมาร์ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐและสิ่งของบรรเทาทุกข์ สำหรับเหตุการณือุทกภัยในไทยเช่นกัน


ความตกลงที่สำคัญ ๆ กับไทย


ความตกลงทางการค้า (ลงนามเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2532)
บันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย - เมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2533)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (ลงนามเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2533)
บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย - แม่น้ำสบรวก (ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2534)
ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมไทย - เมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2536)
ความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง กรรมสิทธิ์การจัดการและบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำเมย/ทองยิน (ลงนามเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2537)
ความตกลงเพื่อการค้าชายแดนระหว่างประเทศทั้งสอง (ลงนามเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2539)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการธนาคาร (ลงนามเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2539)
หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างประเทศทั้งสอง (ลงนามเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2540)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรับซื้อไฟฟ้าจากเมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2540)
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (ลงนามเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2541)
ความตกลงด้านวัฒนธรรม (ลงนามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2542)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและสารตั้งต้น (ลงนามเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2544)
ความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ (ลงนามเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2545)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงาน (ลงนามเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546)
ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
กับคณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547)
บันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (ลงนามเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2547)
หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกงานก่อสร้างถนนในเมียนมาร์สายเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี (ลงนามเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2547)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำ (ลงนามเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547)
บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงพลังงานไฟฟ้าเมียนมาร์ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่ลุ่มน้ำสาละวินและลุ่มน้ำตะนาวศรี (ลงนามเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2548)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ระหว่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กับ Central Control Board on Money Laundering เมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2548)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (ลงนามเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548)
บันทึกความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง การถือครองกรรมสิทธิ์และการบริหารจัดการโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี (ลงนามเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548)
ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (ลงนามเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย (ลงนามเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2551)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ลงนามเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2552)
บันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสภาธุรกิจไทย-พม่ากับสภาธุรกิจพม่า-ไทย (ลงนามเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2553)
บันทึกความเข้าใจระหว่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง แห่งราชอาณาจักรไทยกับกรมปศุสัตว์และสัตวบาล กระทรวงปศุสัตว์และประมงเมียนมาร์ (ลงนามเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2553)


การเยือนที่สำคัญ


การเยือนที่สำคัญของฝ่ายไทย

พระราชวงศ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ระหว่างวันที่ 2 - 5 มีนาคม 2503


สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2531
เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่าเป็นการส่วนพระองค์ (ชื่อประเทศในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2551
ทรงฝึกทำการบินไปยังพม่า 3 ครั้ง (ชื่อประเทศในขณะนั้น)คือ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2550 (กรุงย่างกุ้ง) วันที่ 28 มีนาคม 2551 (กรุงย่างกุ้ง) และวันที่ 4 เมษายน 2551 (เมืองมัณฑะเลย์)


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ระหว่างวันที่ 21 - 31 มีนาคม 2529
เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่าเป็นการส่วนพระองค์ 2 ครั้ง (ชื่อประเทศในขณะนั้น) คือ เมื่อวันที่ 3 - 4 มีนาคม 2537 (เมืองเชียงตุง) และเมื่อวันที่ 10 - 14 มีนาคม 2546 (กรุงย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ เมืองมูเซ เมืองมิตจิน่า เมืองพุเตา เมืองเมียะอู)
เสด็จพระราชดำเนินเยือนพม่า (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ในลักษณะ goodwill private visit เพื่อทอดพระเนตรโครงการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่หลังเหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กีส และการปรับปรุงศูนย์โลหิตแห่งชาติ (กรุงย่างกุ้ง นครเนปิดอว์ เมืองเพียพน เมืองโบกาเล รัฐมอญ) เมื่อวันที่ 15 - 17 มีนาคม 2553


รัฐบาล

นายกรัฐมนตรี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 29 - 30 เมษายน 2544 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมประชุม AMM Informal Retreat ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 1 - 2 พฤษภาคม 2544 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 19 - 20 มิถุนายน 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 7 กรกฎาคม 2544 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือน เมืองท่าขี้เหล็กเพื่อพบกับ พล.ท. ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 SPDC และกำหนดจุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2
วันที่ 5 - 6 เมษายน 2545 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี 3 ฝ่าย ไทย-พม่า-อินเดีย ครั้งที่ 1 เรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 5 - 6 สิงหาคม 2545 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือน (working visit) ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 9 - 10 กุมภาพันธ์ 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนพม่าในลักษณะ retreat (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ที่เมืองงาปาลี
วันที่ 19 พฤษภาคม 2546 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนเมืองท่าขี้เหล็กเพื่อลงนามความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 และวางศิลาฤกษ์งานก่อสร้างสะพาน
วันที่ 25 กันยายน 2546 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนพม่าในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 10 - 12 พฤศจิกายน 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม ACMECS Summit ที่เมืองพุกาม
วันที่ 10 เมษายน 2547 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนพม่าในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 9 ธันวาคม 2547 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม World Buddhist Summit ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 25 กรกฎาคม 2548 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี เยือนพม่า (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี ที่กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2548 นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 2 สิงหาคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนนครเนปิดอว์
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 14 มีนาคม 2551 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ(ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 23 - 25 สิงหาคม 2551 นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 22 - 23 มีนาคม 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 11 ธันวาคม 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรี BIMSTEC ครั้งที่ 12 ที่นครเนปิดอว์
วันที่ 11 ตุลาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ (ชื่อประเทศในขณะนั้น)
วันที่ 6 ธันวาคม 2553 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนเมืองท่าขี้เหล็ก
วันที่ 20 - 22 มกราคม 2554 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรี BIMSTEC ครั้งที่ 13 ที่นครเนปิดอว์


การเยือนที่สำคัญของฝ่ายไทย


วันที่ 8 - 9 มีนาคม 2542 พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย SPDC/ นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 3 - 5 กันยายน 2544 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ - 1 SPDC เยือนไทย
วันที่ 7 ตุลาคม 2544 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 SPDC เดินทางมาที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อกำหนดจุดที่จะก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2
วันที่ 23 - 26 เมษายน 2545 รอง พล.อ.อาวุโส หม่อง เอ รอง SPDC เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 29 เมษายน 2546 พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย SPDC/ นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 19 พฤษภาคม 2546 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ - 1 SPDC เดินทางมาที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อทำพิธีวางศิลาฤกษ์งานก่อสร้างสะพาน
วันที่ 4 มิถุนายน 2547 พล.อ.ขิ่น ยุ้น นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 30 - 31 กรกฎาคม 2547 พล.อ.ขิ่น ยุ้น นายกรัฐมนตรี เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม BIMST-EC Summit ที่กรุงเทพฯ
วันที่ 22 มกราคม 2549 นายญาน วิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนไทยเพื่อเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงราย
วันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2551 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อำเภอชะอำ/หัวหิน และได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552
วันที่ 9 - 11 เมษายน 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
วันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2552 นายญาน วิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่จังหวัดภูเก็ต
วันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อำเภอชะอำ/หัวหิน และได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552
วันที่ 12 เมษายน 2554 นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง


การเยือนที่สำคัญของฝ่ายเมียนมาร์

วันที่ 8 - 9 มีนาคม 2542 พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย SPDC/ นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 3 - 5 กันยายน 2544 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ - 1 SPDC เยือนไทย
วันที่ 7 ตุลาคม 2544 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ 1 SPDC เดินทางมาที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อกำหนดจุดที่จะก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2
วันที่ 23 - 26 เมษายน 2545 รอง พล.อ.อาวุโส หม่อง เอ รอง SPDC เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 29 เมษายน 2546 พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย SPDC/ นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 19 พฤษภาคม 2546 พล.อ.ขิ่น ยุ้น เลขาธิการ - 1 SPDC เดินทางมาที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อทำพิธีวางศิลาฤกษ์งานก่อสร้างสะพาน
วันที่ 4 มิถุนายน 2547 พล.อ.ขิ่น ยุ้น นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 30 - 31 กรกฎาคม 2547 พล.อ.ขิ่น ยุ้น นายกรัฐมนตรี เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม BIMST-EC Summit ที่กรุงเทพฯ
วันที่ 22 มกราคม 2549 นายญาน วิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนไทยเพื่อเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงราย
วันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2551 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรี เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อำเภอชะอำ/หัวหิน และได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552
วันที่ 9 - 11 เมษายน 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
วันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2552 นายญาน วิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่จังหวัดภูเก็ต
วันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552 พล.อ.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อำเภอชะอำ/หัวหิน และได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552
วันที่ 12 เมษายน 2554 นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง


ที่มา: กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ.